เที่ยวสิงคโปร์แบบง่ายๆ Go! Go!

Posted on

หาดใหญ่ > สิงคโปร์  (4 วัน 3 คืน)  *รูปเยอะ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาแชร์ทริปสิงค์โปร์ (ครั้งแรก) กันซึ่งการเดินทางครั้งนี้ เราจะไปเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โดยเราจะเดินทางจาก หาดใหญ่ > สิงคโปร์  ขากลับ สิงคโปร์ > หาดใหญ่ โดยไปพบกับเพื่อนร่วมทริปบินจาก กทม. ที่สิงค์โปร์  ที่พักจองไว้แล้ว รีวิวเขียนไว้ท้ายกระทู้นะจ๊ะ, ซิมและ ตั๋วที่ใช้ผ่านแต่ละสถานที่ก็จองล่วงหน้าผ่านแอพลิเคชั่น KLOOK  (No sponsered) อำนวยความสะดวก แลกเงินไปเป็น Pocket money สำหรับกินและการเดินทางซื้อบัตร MRT  ใช้ได้กับรถไฟฟ้า และรถบัสสาธารณะเลย ซึ่งค่าเดินทางที่นี่ค่อนข้างถูก

.

เริ่มจากเดินทางมาที่สนามบินหาดใหญ่ โดยสายการบิน scoot บอกเลยว่าทั้งลำมีแต่คนจีนสิงคโปร์ ปนๆไปกับมาเลย์ ที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเดินทางมาเที่ยวหาดใหญ่(เป็นปกติของหาดใหญ่ ที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาเลย์ สิงคโปร์มาเที่ยวตลอด) ภายในสนามบินฝั่งไปต่างประเทศก็จะมี Duty Free และร้านค้าขนาดเล็กๆน่ารัก ประมาณนี้

Duty free ขนาดย่อม
ร้านขายของฝาก สไตล์ไทยแลนด์

Jewel changi airport

สิ่งแรกที่มาถึงสนามบินปุ้บหลังผ่าน ตม. ก็คือทำการหาSim ซึ่งเราได้จองไว้ผ่าน Application KLOOK  ประมาณ 200 ต้นๆ โดยไปรับที่ร้าน Cheer ที่อยู่สนามบิน (อารมณ์เซเว่น) แล้วก็โทรนัดหมายเพื่อนซึ่งรออยู่ที่ห้าง Jewel changi airport สถานที่ ที่ทำให้เกิดทริปนี้

อลังการมากจ้า

เดินถ่ายรูปและรอชมโชว์น้ำพุที่ห้าง Jewel สุดแสนอลังการรอบแรก รอบ 19.30 น. (ลืมบอกเวลาที่สิงคโปร์จะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงนะ)

Henderson Waves Bridge

เริ่มต้นทริปวันแรก โดยการมา Henderson Waves Bridge (การเดินทางลง MRT Telok Blangah ขึ้นรถเมย์131 หรือ 145 ดูใน Google map ประกอบก็ได้จ้า) รถบัสสาธารณะที่นี่ ใช้บัตรMRT ติ๊ดจ่ายได้เลยสะดวกมากๆ

ระหว่างขึ้นบันได มองไปตรงนั้น นั่นคือจุดหมายที่เราต้องไป 5555
เย้ มาถึงซักที

.

แวะถ่ายรูปเล่นซักหน่อย

.

Universal Studio

สถานีต่อไป Universal Studio  ที่เราจะใช้เวลาเกือบทั้งวันที่นี่ ( การเดินทาง MRT HarbourFront  ห้าง VivoCity เพื่อขึ้น Sentosa Express ไปยัง Waterfront station ที่หมายของเรา) ตั๋วค่าเข้าเครื่องเล่นข้างใน 1,600 กว่าบาท โซนภายในก็มีเครื่องเล่นมากมายตั้งแต่แนวเด็กเล็ก ไปจนถึงหวาดเสียว ซึ่งแต่ล้ะเครื่องใช้เวลายืนรอ 20-30 นาทีนานพอควร(ขนาดไปช่วงวันธรรมดา) ใครที่มีงบหน่อย เพิ่มตังค์อีกนิดซื้อแบบ express pass ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวรอ ก็ได้เล่นเลย ใช้เงินจัดการมันซะเลย

มาถึงก็ต้องถ่ายรูปจุด Check in ตรงนี้ซะหน่อย (อยู่ด้านนอก สำหรับใครที่ไม่ซื้อตั๋วเล่นเครื่องเล่น เดินชิลๆ ด้านนอกก็ได้)

เราชอบโชว์นี้มากๆ ใครซื้อบัตร อย่าพลาดแวะมาดูน๊า
ระหว่างทางก็มีจุดน่ารักให้ได้ถ่ายภาพ
เครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุด และดิฉันก็ใจไม่กล้าพอ555
ภายในมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก

Fort Canning Park

วันที่ 3 วันนี้เริ่มสถานที่แรกเลยก็คือ Fort Canning Park ( MRT Dhoby Ghaut เดินใกล้กว่า) อุโมงค์ต้นไม้ยักษ์ แนะนำไปเช้าๆ คนไม่เยอะ บรรยากาศตอนถ่าย คือคนยืนต่อคิวกัน พอตอนถึงคิวเรา  ระหว่างแอคชั่นท่าทาง ด้านล่างก็มีสายตาคนที่รอคิวมากมายจดจ้อง มันก็จะเขินหน่อยๆ

บรรยากาศระหว่างรอถ่ายภาพ

ภาพที่ดีที่สุดของแคมเปญนี้

 

มองมุมนี้แล้วสวยจริงๆ
เดินออกมา เจ้าอุโมงค์ที่เราถ่ายๆกัน หน้าตาก็แบบนี้แหละ

LIBRARY @ ORCHARD 

ห้องสมุดใจกลางเมืองสิงคโปร์ ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าตึก Orchard Gateway (การเดินทาง MRT Somerset) เข้าฟรี บรรยากาศก็จะเงียบๆ มีคนนั่งอ่านหนังสือ(ควรใช้ความเงียบ ปิดเสียงกล้องเพื่อไม่ไปรบกวนผู้อื่นนิดนึง)  ภายใน 2 ชั้น  มีหนังสือน่าอ่านเยอะไปหมด มุมเก๋ๆ ส่วนตัวค่อนข้างเยอะเลย

ด้านหน้าของห้องสมุด
บันไดระหว่างชั้น
ชั้นสองของห้องสมุด
ชั้นวาง การจัดวางทำให้หนังสือดูน่าอ่านขึ้นไปอีก 10
มองลงมาจากบันได
หัวตู้หนังสือ ก็จะมีที่นั่งแบบส่วนตัวแบบนี้ให้ ดีจัง

Merlion

หลังจากหมดครึ่งวันเช้า ไปกับการหามุมถ่ายภาพแล้ว เราก็จะเดินทางไป Merlion ( ลงที่สถานี Raffles Place) เพื่อถ่ายกับสิงโตพ่นน้ำ Landmark ของสิงคโปร์กัน อากาศค่อนข้างร้อน คนเยอะซึ่งเป็นปกติของนักท่องเที่ยวที่มา โดยเราเลือกมาที่นี่เพื่อทานมื้อเที่ยง วันนี้เราจัดชาบู (จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว จำได้แค่โลโก้เป็นรูปแกะ) ด้วยความหน้ามืดเราก็สั่งแบบชุดใหญ่คนละชุดมา มีซุปหม่าล่า และซุปต้นตำรับผักแปลกๆ รสชาติจีนๆ สะอาด มีพวกผลไม้ ไอศครีม น้ำจิ้ม ของทานจุกจิกให้หยิบทานได้ตามสบาย อิ่มท้องกันไป ค่าเสียหายคนละเกือบ 900 บาทไทย

ผักชิ้นใหญ่ และเยอะมาก
อิ่มท้องแล้ว ก็มาเดินย่อย
ระหว่างทางเดินเพื่อไป Art and Science Museum
ระหว่างทางเดินเพื่อไป Art and Science Museum

Art science and museum

Art science and museum อารมณ์คล้ายๆกับหอศิลป์บ้านเราในเวอร์ชั่นที่ปังกว่า ซึ่งอยู่ริมอ่าว Marina Bay ภายนอกเป็นอาคารเก๋ๆ ภายในยังมีนิทรรศการที่น่าสนใจ อย่าง Future World : Where Arts Meet Science นิทรรศการถาวร เป็นงาน interactive installation ที่จัดทำร่วมกับ TeamLab ผนวกความดิจิตอล เล่าเรื่องราวออกมาเป็นศิลปะ สายฮิปเตอร์น่าจะถูกใจ ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก  ซึ่งช่วงที่เราไปมี Excibition ชั่วคราว (13 เมษายน -22 กันยายน 62) ของ Alice in wonderland พอดี สำหรับเราที่นี่เราชอบนะ เหมือนหยุดเวลา หยุดอารมณ์ชมงานศิลปะ แสงสี ที่หาดูไม่ได้บ่อย

ทางเข้าชมนิทรรศการ
จุดชมนิทรรศการต่างๆ

ทำไมต้องดึงหน้าขนาดนั้นด้วยล่ะคะ
ระบายสีเสร็จ นำภาพที่ได้นำไปขึ้นจอ
เผลอๆ

ชอบไอเดียตรงนี้มาก อลังการดูมีมิติ
มารอเข้าฝั่งนิทรรศการ Alice in wonderland กันบ้าง

เข้ามาแล้ว ก็จะมีภาพวาดเกี่ยวกับ Alice เต็มไปหมด

Garden by the bay

เดินทางกันต่อจากพิพิธภัณฑ์ เดินมุ่งหน้าสู่ Garden by the bay สวนพฤกษศาสตร์ริมอ่าว Marina Bay ใกล้ๆกัน  ชมไม้ ดอกไม้อลังการพันธุ์ไม้นาๆ ชนิดจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ ภายในก็มีหลากหลายโซนให้เราได้เดินชม ได้แวะถ่ายภาพเยอะมากๆ เท่านที่จะไปอาจจะต้องเผื่อเวลาพอสมควร ถ้าไปกลางวันแสงสวยตัดกับต้นไม้จะสวยมาก เสร็จแล้วก็มาชมการแสดง แสง สี ของกลุ่มต้นไม้ Supertree ประกอบจังหวะกับเพลง Rainforest Orchestra – Australasia และ Oceania ที่แสดงวันละ 2 รอบ ครั้งละ 15 นาที ชมฟรี รอบแรก 19.45 น. รอบที่สอง 20.45 น. โรแมนติกมากๆ

ภายนอกอาคาร สถาปัตยกรรมที่สวยงาม
เริ่มเย็นแล้ว แสงพระอาทิตย์ตกกระทบพอดี

.

.

.

.

.

.

จับจองที่สำหรับชมโชว์ Garden Rhapsody (OCBC Light and Sound Show)
บรรยากาศตอนเย็นใกล้ๆค่ำ
กลางคืนสวยมากกก

เสร็จจาก Garden by the bay ก็ไปเดินเล่นห้าง แล้วนั่ง MRT กลับที่พัก China town เตรียมเก็บของกลับบ้านวันรุ่งขึ้น ซึ่งวันสุดท้าย เราต้องบินกลับไทยตอนบ่าย Check out ออกจากโฮสเทลระแวกนั้นจะมี Little india และวัดพระเขี้ยวแก้ว เลยแวะซักหน่อยนั่งรถไปสนามบิน

วัดพระเขี้ยวแก้ว
บริเวณโดยรอบ กับ Street art อารมณ์คล้ายๆ ปีนัง

.

.

รีวิวที่พัก

และเก็บตกอย่างอื่น สำหรับที่พักที่เป็นที่พักแบบแคปซูล Cube capsule hotel singapore ใกล้ MRT หากินง่าย เดินทางสะดวก ดูครึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ดี สำหรับสิ่งที่เราชอบอย่างแรกคือกลิ่น และความสะอาดของที่นี่ คือกลิ่นหอมกลิ่นดูแพงตั้งแต่ทางบันไดเข้าโรงแรมเลย ห้องน้ำรวม กว้างขวางและสะอาดดี (ลืมถ่ายรูปมา)  ประตูแคปซูลเป็นม่านที่แข็งแรง โดยภายในก็เตียงนอน มีกระจก มีโต๊ะพับ และที่เสียบปลั๊กพร้อม  สำหรับเราแค่ไว้นอนอย่างเดียวก็รับได้กับความคับแคบนี้ เพราะบรรยากาศสะอาด ไม่อึดอัดมาก นอนหลับสนิทดี แค่นี้ก็พอแล้ว

.
บรรยากาศด้านใน มีชั้นวางของ ปลั๊ก โคมไฟเล็กๆ

.

อาหารเช้าของโรงแรม นอกเหนือจากในรูป ยังมีผลไม้ 1 อย่าง และซีเรียล+นม และกาแฟ
ย่านChinaTown ตอนกลางคืน ถือเป็นย่านที่มีของกินที่อร่อยสุดแล้วสำหรับเรา รสชาติถูกปากสุด ถ้าเทียบกับอาหารตาม food court บนห้าง

สรุปทริปนี้ เที่ยวสิงคโปร์แบบง่ายๆ เรามากันแบบวางแผนการเที่ยวค่อนข้างชัดเจน ว่าจะไปไหน เวลาไหน ก็เก็บได้ครบทุกสถานที่ที่อยากไปใน สิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ค่าครองชีพอาหารการกินค่อนข้างสูง แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูก ไม่ค่อยได้ช้อปปิ้ง เพราะไปเที่ยวหลายที่ ไม่อยากขนให้หนัก เก็บช้อปในสนามบินเบาๆ เพราะช่วงเวลาที่เราไปค่าเงินไทยแข็งตัวอยู่ช้อปได้สบายใจ ส่วนกระเป๋า Charl and kieth ถูกกว่าไทย ราวๆ 500-1,000 บาท ซึ่งการแชร์ประสบการณ์ทริปครั้งนี้เรียกว่าแชร์ดีกว่าเนอะ555 มาจากความรู้สึกล้วนๆ อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก แต่หวังว่าอาจจะเป็นแพลนในการตัดสินใจทุกคนที่เข้ามาอ่านได้นะคะ ซึ่งเที่ยวได้เองง่ายมากๆ  สำหรับเรานั้น คิดว่ามีครั้งต่อๆ ไปแน่นอนค่ะ ประเทศเล็กๆ เดินทางง่าย ใกล้หาดใหญ่มากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกก็พร้อม